“คุณกำลังอยู่กับตีสิบ ในช่วงสนทนา”
“ขอต้อนรับคุณผู้ชมทุกท่านเข้าสู่บรรยากาศของ Twilight Show”
“ขอเชิญพบกับพิธีกรขวัญใจคนไทยทั้ง 77 จังหวัดกว่า ๆ ของท่าน นายจูวินยอห์น จอห์น วิญญู”
“ต้อนรับเข้าสู่ Tonight’s the night คืนสำคัญ”

หลังจากสิ้นเสียงเหล่านี้ เสียงที่ดังสวนขึ้นมาคงหนีไม่พ้นเสียงปรบมือที่กึกก้องในห้องส่งรายการโทรทัศน์ที่เราได้ยินผ่านจอแก้วในห้องนอน แม้เราจะรู้ดีเมื่อโตขึ้นว่าการมีโทรทัศน์ในห้องสำหรับการพักผ่อนจะทำให้การนอนเสียสุขภาพ แต่ชีวิตวัยเด็กของใครหลายคนน่าจะเคยผ่านช่วงเวลาของการดูรายการก่อนนอน หรือแอบแม่มาเปิดรายการช่วงเวลาดึก ๆ ได้เป็นอย่างดี

วันนี้เราขอพาทุกคนไปรู้จักกับรายการประเภทหนึ่งที่ครองสล็อตเวลายามดึกของฟรีทีวียุคนั้นได้เป็นอย่างดี นั่นคือ ‘Late Night Show’ หรือรายการทอล์กโชว์ที่เต็มไปด้วยบรรยากาศของการพูดคุยบนเรื่องราวที่น่าสนใจ การแสดงดนตรีจากศิลปินที่มีชื่อเสียง หรือการโชว์ความสามารถพิเศษที่น่าทึ่ง ซึ่งฉายให้ดูแต่ตอนดึกเท่านั้น ว่าทำไมถึงต้องเป็นช่วงเวลานี้ และทำไมสิ่งนี้ถึงกลายเป็นความ Iconic ของสื่อโทรทัศน์อเมริกา และแพร่หลายสู่ทั่วโลกได้มากมายขนาดนี้

จุดเริ่มต้นของ Late Night Show

‘Late Night Show’ คือรายการโชว์ยามดึกที่มีจุดเริ่มต้นจากรายการวิทยุในรูปแบบวาไรตี้โชว์ ซึ่งในช่วงนั้นรูปแบบรายการจะเน้นความเบาสมอง ตลกเฮฮาผ่านเรื่องราวทันเหตุการณ์ ตัวอย่างเช่นรายการวิทยุที่ชื่อ ‘The Pepsodent Show’ (1938 – 1948) รายการโชว์ปกิณกะในรูปแบบเสียงที่โด่งดังในช่วงสงครามโลกครั้งที่ 2

ส่วน Late Night Show ในช่วงปี 1950 โดยมีรายการที่เป็น Role Model สำคัญในช่วงนั้นอย่าง ‘The Ed Sullivan Show’ (1948 – 1971) รายการโชว์ที่ออกอากาศช่วง 21.00 – 22.00 น. ทางช่อง CBS รูปแบบรายการคือการนำมหรสพประเภทต่าง ๆ อย่างเช่นการแสดงของนักดนตรีคลาสสิก นักร้องโอเปร่า ศิลปินยอดนิยม นักแสดงตลก นักบัลเล่ต์ นักแสดงละครที่แสดงบทละครพูดคนเดียว จนไปถึงละครสัตว์ได้รับการนำเสนอเป็นประจำ โดยรายการนี้ถูกนิตยสารรายสัปดาห์ของอเมริกาอย่าง TV Guide จัดอันดับให้เป็น 1 ใน 50 รายการโทรทัศน์ที่ดีที่สุดตลอดกาล ในอันดับที่ 15 อีกด้วย

และมีอีกหนึ่งรายการอย่าง ‘Broadway Open House’ (1950 – 1951) ทางช่อง NBC ซึ่งเป็นรายการวาไรตี้โชว์ที่ออกอากาศในช่วง 23.00 – 24.00 น. โดยรูปแบบรายการนี้ค่อนข้างคล้ายคลึงกัน ซึ่งแม้ว่ารายการนี้จะไม่ประสบความสำเร็จ แต่ก็ถือเป็นก้าวแรกสู่การเป็นรายการวาไรตี้โชว์ยามดึกที่มีชื่อเสียงต่อไป

เพราะรายการนี้ถือกำเนิดขึ้นในการดูแลของ ‘Pat Weaver’ ที่กำลังทำตำแหน่งหัวหน้ารายการของ CBS ในช่วงนั้น ก่อนที่ช่วงเวลาถัดมาหลังการจบลงของรายการนี้ ในปี 1954 ก็มีรายการโทรทัศน์ใหม่เกิดขึ้นมาอย่าง ‘The Tonight Show’ ซึ่งจะทำให้สล็อตเวลารายการช่วงหลัง Prime Time หรือหลังช่วงเวลายอดนิยมของสื่อโทรทัศน์ในช่วงนั้นที่เคยเงียบเหงา กลับมาเป็นช่วงเวลาทองของคนทำรายการโทรทัศน์ในช่วงเวลาต่อ ๆ มา

‘The Tonight Show’ จุดเริ่มต้นที่ทำให้ Late Nighe Show เป็นที่รู้จักกันทั่วไป

‘The Tonight Show’ (1954 – ปัจจุบัน) เป็นรายการทอล์กโชว์ของ NBC ที่พัฒนามาจากการโชว์มหรสพเป็นหลัก มาเป็นรายการสัมภาษณ์กับบุคคลที่มีชื่อเสียง ประกอบกับการพูดเปิดรายการด้วยประเด็นน่าสนใจจากพิธีกร การสร้างการมีส่วนร่วมระหว่างพิธีกร ผู้ร่วมรายการ กับผู้ชมในห้องส่งรายการ การแสดงตลกที่ถูกถ่ายจากนอกสตูดิโอในรูปแบบของ Sketch Comedy รวมถึงการแสดงดนตรีประกอบจากนักแสดงรับเชิญ หรือกลุ่มนักร้องประจำรายการที่คอยสร้างสีสันให้บรรยากาศในตัวรายการ

ซึ่งรายการนี้ประสบความสำเร็จมาก อันเนื่องมาจากรูปแบบรายการที่มีความหลากหลาย ทั้งการสนทนากับแขกรับเชิญ การแสดงสดของแขกรับเชิญ การแสดงขนาดสั้นที่ถ่ายทำไว้ก่อน การแสดงดนตรี เกมโชว์ที่เล่นกับแขกรับเชิญที่ทำให้เห็นพวกเขาในมุมใหม่ ๆ ทอล์กโชว์เดี่ยวของพิธีกรเพื่อดึงผู้ชมเข้าสู่รายการ

สิ่งหนึ่งที่สะท้อนอิทธิพลของการกระจายความนิยมรายการรูปแบบนี้ได้เป็นอย่างดีเลยคือสิ่งที่สืบเนื่องไปสู่โลกความเป็นจริงนอกจอ อย่างเช่นในปี 1966 พิธีกรคนที่ 6 ของซีรีส์นี้อย่าง Johnny Carson ได้เล่นมินิเกม ‘Twister’ กับแขกรับเชิญ Eva Gabor ทำให้จากที่เกมนี้ไม่มีคนรู้จัก ทำยอดขายได้ถล่มทลายในชั่วข้ามคืน

หรืออย่างในเดือนธันวาคม 1973 ที่พิธีกรคนเดียวกันพูดมุกตลกเกี่ยวกับการขาดแคลนกระดาษชำระ จนทำให้ในช่วงเวลาถัดมาการซื้อตุนและกักตุนเกิดขึ้นทั่วสหรัฐอเมริกา ทำให้เกิดการขาดแคลนกระดาษชำระอย่างแท้จริงเป็นเวลานานหลายสัปดาห์ และร้านค้ารวมถึงผู้ผลิตกระดาษชำระต้องจัดสรรอุปทานจนกว่าความตื่นตระหนกจะสิ้นสุดลง

ในช่วงเวลาแห่งการเริ่มต้นของ The Tonight Show คณะกรรมการกำกับดูแลกิจการสื่อสารกลาง (Federal Communications Commission) ของอเมริกาได้ยกเลิกการตรึงสถานีโทรทัศน์หน้าใหม่ ๆ ทำให้สถานีโทรทัศน์เหล่านี้สามารถออกอากาศได้ทั่วประเทศ และเป็นผลให้ช่วงเวลาดังกล่าวกลายเป็นช่วงเวลาทองของรายการโทรทัศน์อย่างล้นหลาม และเกิดผู้เล่นใหม่ของรายการแนว ‘Late Night Show’ มากมาย

อย่างเช่นคู่แข่งตัวเต็งของ NBC ทั้ง CBS ​​และ ABC อย่างรายการ ‘The Les Crane Show’ (1964 – 1965) ทางช่อง ABC และรายการ ‘The Faye Emerson Show’ (1949 – 1951) ทางช่อง CBS และเกิดคู่แข่งอีกมากมายเป็นดอกเห็ดตลอดระยะเวลาเกือบ 70 ปีที่ผ่านมา หากไล่เรียงชื่อรายการแนว Late Night Show ตั้งแต่อดีตจนถึงปัจจุบันของสหรัฐอเมริกา มีมากกว่า 260 รายการเลยทีเดียว

ส่วนในประเทศไทย รายการแนว Late Night Show แรก ๆ ที่เห็นได้เลยว่ามี Role Model จากต่างประเทศคือ ‘คืนนี้ที่ช่อง 9’ (2528 – 2531) จากการที่ ‘วิทวัจน์ สุนทรวิเนตร์’ เคยทำงานในสถานีโทรทัศน์ต่างประเทศในออสเตรเลียมาก่อน และนำเอาไอเดียนี้มาทำในประเทศไทยในฐานะโปรดิวเซอร์ โดยหยิบเอากลิ่นรสมาทำ ทั้งฉากรายการที่ด้านหลังเป็นภาพมุม Bird Eye View ยามค่ำคืน ที่นั่งของพิธีกรอยู่บนเก้าอี้ล้อเลื่อนที่มีโต๊ะไม้ขนาดใหญ่อยู่ด้านหน้า และมีโซฟาตัวนุ่มตั้งอยู่ข้างกัน

ก่อนที่เขาจะขยับมาทำรายการ ‘ที่นี่กรุงเทพฯ’ (2531 – 2532) ที่ช่อง 7 และมาทำรายการ ‘4 ทุ่มสแควร์’ (2532 – 2540) รวมถึง ‘ตีสิบ’ (2540 – ปัจจุบัน) เป็นของตัวเอง และจุดเริ่มต้นนั้นก็ทำให้คนไทยได้รู้จักกับรายการแนวนี้มากขึ้น และมีการเกิดขึ้นของรายการแนวนี้มากมายจากพิธีกรหลายคนทั้ง ‘Twilight Show’ (2533 – 2551, 2557) ของไตรภพ ลิมปพัทธ์, ‘รอบดึก กับ จอห์น วิญญู’ (2557 – 2558) ของวิญญู วงศ์สุรวัฒน์, ‘Tonight’s The Night คืนสำคัญ’ (2559 – 2560) ของเกตุเสพย์สวัสดิ์ ปาลกะวงศ์ ณ อยุธยา หรือรายการออนไลน์ ‘Katanyu Tonight’ (2023 – 2024) ของกตัญญู สว่างศรี เป็นต้น

นอกจากประเทศไทยเองก็ยังมีประเทศอื่น ๆ ทั่วโลก ที่หยิบรูปแบบรายการประเภทนี้ไปสร้างสรรค์ต่ออย่างที่เป็นตัวเอง และประสบความสำเร็จกันไปมากมาย จนทำให้รูปแบบรายการ ‘Late Night Show’ กลายเป็นตำนานของความบันเทิงากชาติตะวันตก ที่ตีกินความนิยมไปทั่วโลกได้อย่างเต็มภาคภูมิ

ที่มา

CREATED BY

พนักงานมือใหม่ที่สนุกกับการหาเรื่องมาเล่า ไม่มีสิ่งที่ชอบตายตัว มีแต่สิ่งที่ชอบแล้ว และกำลังหาสิ่งใหม่ที่ชอบต่อไป